บทความ
>
ใครเข้าวงการพระแล้วไม่โดนพระเก๊ ผมคิดว่าเขาอาจจะยังเข้าไม่ถึง” – เอ็ม หัตถ์เทพ

ใครเข้าวงการพระแล้วไม่โดนพระเก๊ ผมคิดว่าเขาอาจจะยังเข้าไม่ถึง” – เอ็ม หัตถ์เทพ

เมื่อสถานการณ์วิกฤตเงินเฟ้อส่อเค้ายืดเยื้อยาวนาน ตลาดหุ้นรวมถึงคริปโตเคอร์เรนซีเข้าสู่ช่วงตลาดหมีอย่างแท้จริง พระเครื่องกลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์น่าลงทุน นักลงทุนหลายคนมองว่าอาจเป็นหลุมหลบภัยที่ดีในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่แน่นอนเช่นนี้ 

อย่างไรก็ดี เมื่อขึ้นชื่อว่าการลงทุน ย่อมมีความเสี่ยง มีติดดอย และมีโอกาสทำให้เรากลายเป็น ‘เม่า’ หากไม่ได้เข้าใจจริงๆ 

The Momentum สนทนากับ สถาพร วิจิตรสุนทร หรือ ‘เอ็ม หัตถ์เทพ’ หนึ่งในผู้บุกเบิกช่องทางเช่าและให้เช่าพระ รวมถึงคอนเทนต์เกี่ยวกับการเช่าพระในโลกออนไลน์ ในวงการสะสมพระเครื่องทุกคนรู้จักเขาในฐานะเซียนพระสายหลวงปู่โต๊ะ แห่งวัดประดู่ฉิมพลี 

เขาเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเริ่มหลงใหลในโลกของพระเครื่อง กลยุทธ์ในการสะสมชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ รวมถึงกล้าเปิดเผยอย่างไม่เคอะเขินว่า แม้แต่เซียนพระอย่างเขาก็เคยต้องเสียเงินจำนวนมากไปกับการเช่าพระเก๊ 

ตลาดพระเครื่องในปัจจุบันที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่ามีมูลค่ามากกว่าหมื่นล้านบาทจะยังเป็นแหล่งลงทุนสุดหอมหวานสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่หรือไม่ โอกาสอยู่ตรงไหน และหากอยากเริ่มต้นในเส้นทางนี้เราควรเตรียมตัวอย่างไร พบคำตอบได้ในบทสนทนานี้ 

ADVERTISEMENT

https://786fc0e430da9e2f06b338a2ec539b37.safeframe.googlesyndication.com/safeframe/1-0-38/html/container.html

มองย้อนไปในอดีต สมัยเรียนคุณเคยรับจ้างเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ช่วงเวลานั้นสำคัญหรือส่งผลต่อการเป็นเอ็ม หัตถ์เทพ ‘เซียนพระชื่อดัง’ ในทุกวันนี้อย่างไรบ้าง 

ช่วงนั้นผมเรียนอยู่ชั้น ปวช. ด้วยความที่บ้านเราฐานะไม่ค่อยดี พ่อแม่อาจพอส่งเสียค่าเล่าเรียนได้ แต่ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ค่อนข้างลำบาก ถ้าเราอยากจะมีของเหมือนคนอื่นๆ เขา พ่อแม่เราซื้อให้ไม่ได้ ผมกับเพื่อนๆ ก็เลยคุยกันว่าเราไปหางานพิเศษทำกันเถอะ จึงเป็นที่มาที่ทำให้เราได้ไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟด้วยกัน 

ถามว่าการตัดสินใจในวันนั้นส่งผลต่อการเป็นเราในทุกวันนี้ไหม ต้องบอกว่างานพิเศษช่วยสั่งสมประสบการณ์หลายๆ อย่างให้เรา โดยเฉพาะเรื่องระเบียบวินัยและความรับผิดชอบ แต่ความคิดเกี่ยวกับการเช่าและให้เช่าพระมาเริ่มเอาเมื่อตอนที่เราเรียนจบและเริ่มทำงานแล้ว 

แม้ว่าจะเรียนจบสาขานิเทศศาสตร์ แต่ผมเลือกที่จะเริ่มต้นจากอาชีพเซลขายของ เพราะมองว่าที่บ้านเรายังลำบาก และอาชีพนี้จะทำให้เรามีรายได้จากทั้งเงินเดือนและค่าคอมมิชชันซึ่งจะช่วยให้พ่อแม่ของเราสบายขึ้น พอทำอาชีพเซลก็ต้องขายของ ต้องทำตามเป้าให้ได้ ผมก็เริ่มเกิดความคิดว่าอยากจะได้ของดีมาติดตัวเพื่อให้คนเอ็นดูเราเยอะๆ พอดีพ่อมีพระหลายองค์ที่บ้าน หนึ่งในนั้นคือพระปิดตาของหลวงปู่โต๊ะ ท่านเป็นพระสายเมตตา ให้โชคให้ลาภ เหมาะกับการทำมาค้าขาย ผมก็เลยขอพ่อเอามาห้อยติดตัวไว้ ระหว่างที่บูชาก็คอยอาราธนาในทุกๆ วันว่าขอให้เป็นวันที่ดี ช่วงนั้นก็เริ่มมีสิ่งดีๆ เข้ามาหาเราเรื่อยๆ จุดนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเริ่มหลงใหล เพลิดเพลินในการส่องดูพระ และเข้าวงการสะสมพระ เริ่มต้นจากทีละองค์สององค์แล้วเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ 

เริ่มหันมาลงทุนในพระเครื่องอย่างจริงจังตั้งแต่เมื่อไร

พอทำงานประจำไปสักพัก วันหนึ่งเราก็ได้ขึ้นเป็นท็อปเซล เพื่อนๆ ที่ทำงานด้วยกันก็เริ่มเข้ามาถามว่า ทำไมถึงขายดี หรือทำไมถึงมีผู้ใหญ่เมตตาเรา ผมก็บอกว่าผมห้อยพระอยู่ เขาก็มาขอแบ่งกันไป ทำให้เราเริ่มปล่อยพระให้คนอื่น และเริ่มมองว่าสิ่งที่เราทำอยู่นี้น่าจะเป็นธุรกิจได้เลย ตอนนั้นภาพที่เราเห็นคือ ถ้าทำงานประจำ เราทำ 80 เปอร์เซ็นต์ เราได้เงิน 80 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเราทำ 100 เปอร์เซ็นต์ เราก็ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเราทำ 120 เปอร์เซ็นต์ เราจะได้แค่ 100 เปอร์เซ็นต์ แตกต่างจากธุรกิจพระเครื่องที่ถ้าเราทำ 80 เปอร์เซ็นต์ เราอาจจะได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเราทำ 120 เปอร์เซ็นต์ เราอาจจะได้ถึง 200 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เห็นว่าถ้าเรายังทำงานประจำ ต่อให้ทำเยอะเราก็ได้เท่าเดิม ผมเลยตัดสินใจออกจากงานประจำมาลงทุนกับพระเครื่องแบบเต็มตัว 

ด้วยความที่ยังเป็นคนสะสมพระหน้าใหม่ท่ามกลางเซียนพระรุ่นเก๋าที่อยู่ในวงการมานานมาก ทำอย่างไรให้ไม่โดนหลอกเช่าพระเก๊

ระหว่างที่เราเก็บสะสมพระ จะมีพระเก๊ปะปนมาด้วยตลอดเวลา สำหรับผม ใครที่เข้าวงการสะสมพระแล้วไม่โดนพระเก๊ผมคิดว่าเขาอาจจะยังเข้าไม่ถึงนะ​ (ยิ้ม) ผมโดนเยอะมากพอสมควร แต่เวลาโดนแล้วจะคิดเสมอว่าทำอย่างไรให้เราดึงสติกลับมา ให้เราไม่ท้อและอยากเก็บสะสมต่อไป ถึงจุดหนึ่งที่เราเอาชนะความกลัวได้แล้ว เราจะก้าวข้ามพระเก๊ที่เราเช่าพลาดมาแล้วเดินหน้าลุยต่อ ศึกษาให้เข้าใจมากขึ้น เพื่อให้แม่นยำมากขึ้น  

ช่วงนั้นมีแนวคิดกระจายความเสี่ยงหรือการแบ่งเงินลงทุนไหม เพราะคุณเองก็ใหม่มากในวงการ  

ด้วยความที่ช่วงนั้นเราอายุยังน้อย เพิ่งจะ 20 ปลายๆ ก็เลยไม่ค่อยกลัว ผมคิดว่าเรายังล้มได้อีกหลายรอบ เพราะฉะนั้นมีเงินเท่าไรใส่ให้หมด ตอนออกจากงานผมมีเงินเก็บอยู่ 8-9 แสน มีพระจำนวนหนึ่ง แล้วช่วงนั้นผมได้ไปเจอพระองค์หนึ่งซึ่งเป็นพระหายาก เขาเล่นกันที่หลักล้าน ผมเสี่ยงด้วยการนำเงินทั้งหมดที่มีไปเช่ามาโดยที่ยังไม่รู้ว่าจะปล่อยได้หรือเปล่า แต่ผมเลือกที่จะเสี่ยงเพราะถ้าไม่มีองค์นี้เราจะไม่มีชื่อเสียงเลย ในวงการพระถ้าเรามีของดีจะมีคนนับถือเรา ผมจึงยอมนำเงินทั้งหมดที่เก็บสะสมมาแลกกับพระองค์นั้น 

หลังจากได้พระมาแล้วผมนำมาเล่าในยูทูบ ให้คนรู้ว่าพระองค์นี้มีแค่ 57 องค์ในโลก มีผมที่ได้มา 1 องค์ เราใช้ศิลปะในการพูดเพื่อโน้มน้าว และพยายามบอกให้คนที่เก็บสะสมพระหายากว่าในอนาคตพระที่ผมถืออยู่จะราคาสูงกว่านี้ พร้อมๆ กับสอนวิธีในการดูพระให้คนด้วย ในที่สุดเราก็โชคดีเพราะมีเฮียท่านหนึ่งมาเช่าต่อจากเรา ทำให้ผมได้เงินกลับมาหมุนแถมยังได้ชื่อเสียงกลับมาด้วย 

นอกจากการโน้มน้าวให้คนรู้ว่าคุณมีพระหายากอยู่กับตัวแล้ว ทำไมต้องสอนคนดูพระด้วย 

เพราะส่วนมากเซียนพระหรือคนที่ดูพระเป็นมักจะตัดต่อไม่เป็น ส่วนคนที่มีทักษะในการตัดต่อก็มักจะดูพระไม่เป็น ผมเรียนด้านนิเทศศาสตร์มา ชอบการตัดต่อเป็นทุนเดิม แล้วเราก็ดูพระเป็นด้วย จึงเริ่มเห็นโอกาสจากช่องว่างตรงนี้ คลิปของผมจะสอนวิธีดูพระแบบละเอียดมาก เพราะผมนั่งตัดแล้วตัดอีก ช่วงแรกๆ ยังไม่มีใครดู แต่เราก็คิดว่าไม่เป็นไร ช่องทางเหล่านี้มันฟรี อย่างนั้นทำไปก่อน ทำแบบมีวินัย จนวันหนึ่งที่เราพูดคล่องขึ้น เก่งขึ้น คนก็เริ่มหันมาให้ความสนใจ ติดตามช่องเรามากขึ้น ทำให้เราเริ่มเติบโตและขยับขยายจนสามารถทำร้านเช่าพระของตัวเองได้ในที่สุด 

ตอนนั้นเซียนพระคนอื่นๆ มองคุณอย่างไร 

ก็มีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบเรา บางคนก็ตั้งคำถามว่าคุณเป็นใคร มาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร จริงๆ ผมต้องขอบคุณแรงกดดันหลายๆ อย่างที่ทำให้เรามีวันนี้ได้ พอมีคนอยากเข้ามาพิสูจน์ว่าเราเป็นตัวจริงหรือเปล่า มันก็ยิ่งทำให้ผมต้องพยายามมากขึ้น และผลักดันตัวเองให้ก้าวไปข้างหน้าให้ได้

เวลาพูดถึงคำว่าเซียนพระ คนมักจะชอบนิยามว่าเซียนพระมีความเขี้ยวแล้วก็ชอบเอาเปรียบ ผมไม่อยากให้มองมุมนั้น เพราะอาชีพเช่าและให้เช่าพระเครื่องก็เป็นธุรกิจ ผมเป็นเซียนพระก็จริง แต่อะไรที่ไม่ชอบผมจะไม่ทำ ผมอยากให้ทุกคนรู้ว่าเซียนพระไม่ได้เต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บอย่างที่หลายคิด เซียนพระก็มีทั้งคนดีและไม่ดี ไม่ต่างจากคนทั่วๆ ไป 

พอเริ่มจริงจังมากขึ้น คุณวางการแผนลงทุนหรือแผนทางธุรกิจไว้บ้างไหม 

ผมบอกตรงๆ เลยว่าสิ่งที่ทำไม่มีแผน ผมเชื่อว่าตอนนี้คือยุคที่ปลาเร็วกินปลาใหญ่ ไม่ใช่ปลาใหญ่กินปลาเล็กแบบเมื่อก่อน ผมเน้นคิดแล้วทำเลย ถ้าเจออะไรผิดพลาดระหว่างทางเราก็ค่อยๆ แก้ไขไป ถ้าเราผิดเราก็ขอโทษ สำหรับผมมันไม่ใช่เรื่องน่าอาย ผมเชื่อว่าถ้าเราซื่อสัตย์กับคนดูและลูกค้า ทุกคนพร้อมให้อภัยเราอยู่แล้ว 

พระเครื่องมีเยอะมาก พระเกจิบ้านเรามีเป็นร้อยๆ วันนี้ถ้าเราจะมาเก่งทุกเรื่องเราไม่ทันแน่ๆ เพราะเราเริ่มต้นมาช้ากว่าผู้ใหญ่ที่อยู่ในวงการนี้มาอย่างยาวนาน เราจึงต้องโฟกัสด้านใดด้านหนึ่งและเอาให้เก่งในด้านนั้นไปเลย อย่างผมเลือกโฟกัสหลวงปู่โต๊ะ ซึ่งหลวงปู่โต๊ะมีทั้งหมดร้อยกว่ารุ่น รุ่นหนึ่งมีสามเนื้อ แล้วพระท่านสร้างทั้งหมดเป็นแสนหรืออาจจะล้านองค์ เพราะฉะนั้นถ้ายังมัวเช่าพระหลายๆ สายอยู่ เราไปไม่ถึงเส้นชัยแน่ๆ

นอกจากการโฟกัสในสายใดสายหนึ่งแล้ว มีวิธีการไหนอีกที่จะทำให้เราดูพระเก่งขึ้น 

คือการดูพระเครื่องจะไม่เหมือนกับการทำธุรกิจหรือการลงทุนในหุ้นที่จะมีคนมาสอนอย่างชัดเจน พระเครื่องเป็นประสบการณ์ ใครได้เห็นพระเยอะคนนั้นจะเก่งและมีประสบการณ์ ผมศึกษาจากทั้งหนังสือที่เกี่ยวกับหลวงปู่โต๊ะ รวมถึงการลงทุนเช่ามาเก็บและดูเอง พูดง่ายๆ คือเรายอมเจ็บด้วยตัวเองด้วย ทุกอย่างต้องลงทุน ถ้าผมเช่าโดนพระเก๊มา ผมจะถือว่าความผิดพลาดคือครูของเรา การเช่าเองเจ็บเองนี่แหละที่จะทำให้เราเก่งมากกว่าเดิม 

สูญเสียเงินไปกับการเช่าพระเก๊ไปทั้งหมดเท่าไร

ไม่เคยนับเหมือนกัน แต่เข้าใจว่าน่าจะเป็นหลักล้านอยู่นะ ผมเคยเช่าพระเก๊มาแพงที่สุดคือเกือบหกแสนบาท เห็นแป๊บเดียวแล้วเราจ่ายเงินเลย คือตอนนั้นเรารีบและโลภ พอเห็นว่าพระองค์นี้ปล่อยกันที่ล้านกว่าบาทแล้วผมสามารถเช่าได้ในราคาแค่หกแสนก็เลยรีบคว้าไว้ทันที สุดท้ายพอเอากลับมาดูแล้วก็เพิ่งรู้ว่าไม่ใช่พระจริง แต่ในวงการพระ ถ้าเราเช่าแล้วเราจ่ายเงินเมื่อไร ถือว่าจบเลย นี่คือความเป็นมืออาชีพ ในทางกลับกัน ถ้าเป็นผมเองที่ปล่อยพระเก๊ออกไปแล้วผมเพิ่งมารู้ทีหลัง ผมจะรีบคืนเงินให้คนคนนั้นทันที เพราะเราเป็นผู้การันตี ผู้ชำนาญการในพระเครื่อง 

อย่างไรก็ดี การที่เซียนพระเจอพระเก๊เป็นเรื่องธรรมดา ผมไม่อายที่จะเปิดเผย และสิ่งที่ผมเจอน่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดีให้กับคนรุ่นใหม่ที่มาเล่นพระว่า ขนาดผมยังโดนเลย แล้วถ้าคุณเพิ่งเข้าวงการมาจะเหลืออะไร 

ความจริงแล้วมูลค่าหรือคุณค่าของพระเครื่องวัดกันที่ตรงไหน มีหลักเกณฑ์ที่ตายตัวไหม 

พระเครื่องเป็นเหมือนงานศิลปะ มีชิ้นเดียวและแบบเดียว ไม่เหมือนใคร แต่ละชิ้นงานจะมีเรื่องราวที่แตกต่างกันไป ส่วนราคาจะขึ้นอยู่กับจำนวนของความต้องการซื้อ (Demand) และความต้องการขาย (Supply) ซึ่งตลาดแต่ละช่วงจะไม่เหมือนกัน หรือเรียกได้ว่าไม่มีมูลค่าตายตัว อย่างช่วงนี้คนอาจจะเก็บหลวงปู่โต๊ะเยอะเพราะยุคนี้เป็นยุคของการค้าขาย ไม่มีการตีรันฟันแทงกันสักเท่าไร พระสายเมตตาหรือพระที่เชื่อกันว่าท่านให้โชคให้ลาภจึงได้รับความนิยมมากขึ้น ส่งผลให้ราคาของท่านสูงขึ้นตามไปด้วย 

พระเครื่องกลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่คนหันมาลงทุนกันมาก โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่เริ่มหันมาเก็บสะสมพระ เพราะพระเครื่องเคลื่อนที่ง่าย แลกเปลี่ยนกันได้ง่าย และถ้ายิ่งศึกษาเยอะ มีความรู้เยอะ ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะปล่อยพระได้ในราคาที่ดีขึ้น 

หากมองว่าพระเครื่องเป็นหนึ่งในสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่ราคาขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด แปลว่าในวันใดวันหนึ่งหลวงปู่โต๊ะที่คุณเก็บสะสมอยู่ในจำนวนมากมายอาจมีมูลค่าลดลงจนกลายเป็นศูนย์ได้เลยใช่ไหม

ใช่ เพราะฉะนั้นถ้าจะให้ดี ผมอยากแนะนำว่าใครที่อยากเข้ามาในวงการสะสมและแลกเปลี่ยนพระเครื่อง คุณควรต้องมีใจรักในพระเครื่องด้วย ถ้าใจเรารักเราจะเก็บได้ยาวเลย อย่างตัวผมเองถ้าหลวงปู่โต๊ะที่ผมมีซึ่งมูลค่าเป็นแสนๆ ในวันนี้ หากวันใดวันหนึ่งจะไม่เหลือมูลค่าอะไรเลยก็ไม่เป็นไร เพราะผมชอบ 

ท่ามกลางความนิยมในการสะสมและลงทุนในพระเครื่องกำลังมาแรง คุณมีอะไรอยากฝากบอกกับบรรดานักลงทุนหน้าใหม่บ้าง 

อยากให้ศึกษาก่อน ศึกษาให้รู้ว่าเราชอบพระสายไหนแล้วลองเลือกพระที่จะโฟกัส ทยอยเช่ามาทีละเล็กละน้อยก่อน แล้วนำมาเปรียบเทียบดูว่าพระแท้มีหน้าตาอย่างไร ดูตรงไหน มีตำหนิแบบไหนบ้าง แล้วค่อยเริ่มนำมาปล่อย ผมแนะนำว่าในช่วงแรกๆ อย่าเพิ่งเริ่มใหญ่มาก ให้เริ่มจากเล็กๆ ไปก่อน เพราะถ้าพบว่าเราไม่ได้ชอบจริงๆ เราจะไม่เสียหายเยอะ 

วันที่ผมเสี่ยงเช่าพระในราคาเกือบล้านก็เป็นเพราะผมศึกษาจนแน่ใจแล้วว่าผมชอบพระเครื่องจริงๆ เพราะฉะนั้นถ้าเราชอบ เราอิน และเรามีความพยายามจะเข้าไปคลุกคลีอยู่กับวงการนี้ ผมเชื่อว่ามีโอกาสสำเร็จแน่นอน